1675 จำนวนผู้เข้าชม |
“It doesn’t matter where you go in life. It’s who you have beside you”
“ไม่สำคัญว่าเราจะเดินทางไปไหน แต่สำคัญที่ว่า ใครอยู่เคียงข้างเรา”
คำนี้ ช่างมีความหมายสำหรับคนทุกๆ คน ในการใช้ชีวิต ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร สำคัญที่สุด คือ “เพื่อน” ถ้าเราได้รู้จักและคบหากับคนที่ดี มีความสามารถ เขาเหล่านั้น ย่อมช่วยพัฒนาตัวเราไปด้วย แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราเลือกคบกับคนที่ไม่ดี ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีความจริงใจต่อใคร สร้างแต่ความเดือดเนื้อร้อนใจให้คนข้าง ๆ ชีวิตของเราก็ย่อมได้รับผลกระทบจากการกระทำของคนเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
อย่างที่พระพุทธองค์ทรงตรัสถึงการคบเพื่อนไว้ในหลักมงคลชีวิต ๓๘ ประการว่า “อะเสวะนา จะ พาลานัง, ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา การไม่คบคนพาล การคบแต่บัณฑิต นั่นคือมงคลที่สูงสุด” นั่นหมายถึงว่า พระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นโทษและประโยชน์ของการคบเพื่อนมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยพุทธกาล และทรงเล่าเรื่องราวต่างๆ ไว้เป็นอุทาหรณ์ แต่ผ่านมามากว่า ๒,๖๐๐ ปี พวกเราที่เรียกตัวเองว่า “ชาวพุทธ” ศึกษาและปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ กลับมีความเข้าใจในหลักธรรมข้อนี้ไม่ถ่องแท้
ผู้เขียนเห็นหลายท่านที่ใช้ชีวิตด้วยความประมาท เริ่มตั้งแต่คบหาสมาคมกับคนที่ไม่ดี พากันทำในสิ่งที่เสียหายและกลายเป็นโทษต่อตัวเอง ไม่ทำงานแต่กลับอยากรวยด้วยการเล่นพนัน พากันเข้าบ่อน คาสิโน ตกดึกมาพากันเข้าผับเข้าบาร์ เที่ยวเมาหย่ำเป เมื่อการกระทำให้ผล ไม่มองว่ามาจากการกระทำของตน กลับหันไปโทษสิ่งรอบข้าง และโชคชะตาว่าเล่นตลกกับตนเองก็มี นี่ก็เป็นผลมาจากการคบเพื่อน อย่างเช่นเรื่องนกแขกเต้าสองพี่น้อง
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกนกแขกเต้าสองพี่น้อง อาศัยอยู่ป่างิ้วใกล้ภูเขาลูกหนึ่ง ในที่ไม่ไกลจากภูเขาลูกนั้น ด้านทิศเหนือมีบ้านของพวกโจร และด้านทิศใต้เป็นอาศรมของฤๅษี เมื่อนกแขกเต้าสองพี่น้องเติบโตขึ้นกำลังหัดบิน ได้เกิดพายุใหญ่พัดกระหน่ำนกแขกเต้าทั้งสองจึงถูกลมพัดไปตกคนละแห่ง นกผู้น้องไปตกระหว่างอาวุธของบ้านโจร พวกเขาจึงตั้งชื่อให้มันว่า สัตติคุมพะ ส่วนนกผู้พี่ไปตกระหว่างกองดอกไม้ใกล้ที่พักฤๅษี จึงถูกตั้งชื่อว่า ปุปผกะ อยู่มาวันหนึ่งพระเจ้าปัญจาละ เสด็จประพาสป่าพร้อมด้วยบริวารหมู่ใหญ่เพื่อออกล่าสัตว์ จนเที่ยงวันจึงเสด็จกลับ และทรงพบลำธารสวยงามระหว่างทางใกล้ที่อยู่ของโจร ด้วยความเหนื่อยล้า จึงเสด็จลงไปบรรทม พักผ่อนใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ฝ่ายนายสารถีถวายงานนวดอยู่
ณ บ้านโจร พวกโจรพากันเข้าป่าหมด เหลือแต่นกสัตติคุมพะและพ่อครัวคนหนึ่งเท่านั้น ขณะนั้น นกสัตติคุมพะบินออกจากบ้านไปพบพระราชา ก็คิดจะปล้นชิงทรัพย์จึงบินกลับมาบอกพ่อครัว ฝ่ายพ่อครัวรีบออกไปดู เมื่อทราบว่าเป็นพระราชา จึงได้ปรึกษากันกับสัตติคุมพะ พระราชาทรงตื่นจากบรรทมได้ยินเสียงคนคุยกันก็ทราบว่า สถานที่นี้ไม่ปลอดภัยจึงปลุกนายสารถี และรีบเสด็จออกจากสถานที่นั้นโดยเร็ว โดยมีนกสัตติคุมพะ บินร้องให้โจรตามรถของพระราชาไป
พระราชาเสด็จไปถึงอาศรมของพวกฤๅษี ขณะนั้นพวกฤๅษีเข้าป่าหาผลไม้เหลือแต่นกปุปผกะตัวเดียว เมื่อเห็นพระราชาเสด็จมาถึง นกปุปผกะรีบบินไปต้อนรับและถวายพระพร พระราชาทรงเลื่อมใส่ในนกปุปผกะ และตรัสชมเชยว่า "นกแขกเต้าตัวนี้ดีมากส่วนนกแขกเต้าตัวโน้นพูดแต่คำหยาบ ให้จับพระราชา ให้ฆ่าพระราชา นกสองตัวนี้ช่างต่างกันจริง ๆ"
นกปุปผกะ กราบทูลว่า "ข้าพระองค์ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน เติบโตจากต้นงิ้ว แต่ต่างถูกลมพัดไปอยู่คนละเขต สัตติคุมพะตกไปอยู่ในบ้านโจร ข้าพระองค์มาอยู่ในอาศรมฤๅษี เราทั้งสองจึงต่างกันพระเจ้าข้า"
บุคคลคบคนเช่นใด เป็นสัตบุรุษ อสัตบุรุษ ผู้มีศีลหรือไม่มีศีล ย่อมไปสู่อำนาจของผู้นั้น เพราะอยู่ร่วมกันกับผู้นั้นเหมือนลูกศรอาบยาพิษ ย่อมทำให้แหล่งลูกศรเปื้อนยาพิษด้วย การคบกับคนทีไม่ดี เหมือนการห่อปลาเน่าด้วยหญ้าคา หญ้าคาย่อมมีกลิ่นเหม็นฟุ้งไปด้วย การคบหาสมาคมกับคนดี เหมือนการห่อของหอมด้วยใบไม้ ใบไม้ก็หอมฟุ้งไปด้วย.
-บัวบานกลางหิมะ -